ถ้าอยากใช้โทนเนอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดล่ะก็ ...
สาวๆ dek-d.com เคยสงสัยกันรึเปล่าค่ะว่า ทำไมเวลาที่เราดูการสาธิตวิธีการล้างและบำรุงผิวหน้า ขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวหน้าจึงต้องใช้โทนเนอร์ในการทำความสะอาดผิว …
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า โทนเนอร์มีหน้าที่ชำระทำความสะอาดสิ่งสกปรกในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างจริงๆ นอกจากนี้โทนเนอร์ยังช่วยปรับสมดุลของผิว ช่วยลดความมัน และ กระชับรูขุมขน ในคนที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวให้กับคนที่มีผิวแห้งหลังการล้างหน้าด้วยค่ะ
ส่วนสาวๆ คนไหนที่อยากใช้โทนเนอร์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดล่ะก็ สาวๆ จะต้องรู้จักเลือกใช้โทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองด้วยนะคะ
… โดยทั่วไป โทนเนอร์ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โทนเนอร์ขจัดสิ่งสกปรก เช่น น้ำมันส่วนเกิน ฝุ่นละออง หรือ เมคอัพตกค้างที่คลีนเซอร์ล้างออกไม่หมด และโทนเนอร์บำรุงผิว ซึ่งมีวิตามิน เกลือแร่ และสารบำรุงความชุ่มชื้นผิว
สำหรับสาวผิวธรรมดา - ผิวผสม – ผิวมัน :: ควรเลือกโทนเนอร์ที่ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรก ลดการอุดตันรูขุมขน ต้นเหตุของการเกิดสิว (พี่เหมี่ยวขอบอกนะคะว่าโทนเนอร์ของ คลีนแอนด์เคลียร์ เนี่ยเวิร์กสุดๆ เลยล่ะค่ะ ขจัดสิ่งสกปรกได้ทั่วถึงทุกรูมขุมขนเลยทีเดียวล่ะค่ะ)
สำหรับผิวธรรมดา – ผิวแห้ง :: ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว มอบความชุ่มชื้นให้ผิว
ส่วนวิธีใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้องนั้น ให้สาวๆ ใช้สำลีชุบโทนเนอร์แทนการใช้ทิชชูนะคะ เพราะจะนุ่มนวลต่อผิวมากกว่าโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดให้ทั่วใบหน้า โดยควรเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ค่ะ
แน่นอนว่าในคนที่มีผิวแพ้ง่ายนั้น เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนใช้โทนเนอร์สาวๆ ควรทดลองทาตรงบริเวณท้องแขนก่อนค่ะ ถ้าแพ้ก็จะเห็นผลทันที หรือถ้ายังไม่มั่นใจก็ให้ทดลองเช็ด โทนเนอร์ที่ท้องแขนเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และลองสังเกตว่าผิวตรงท้องแขนมีรอยแดงแสบหรือไม่ ถ้าไม่มีก็แสดงว่าใช้โทนเนอร์ได้ไม่แพ้ค่ะ
Tip ดีๆ สำหรับสาวๆ ที่ต้องการใช้โทนเนอร์
- จำไว้นะคะว่าควรเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
- เวลาจะเลือกให้สำลีสำหรับชุบโทนเนอร์ ให้เลือกใช้สำลีชนิดแผ่นแทนสำลีแบบก้อน เพราะสำลีแบบแผ่นสามารถเช็ดทำความสะอาดเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของใบหน้าได้ดีกว่าแบบก้อนค่ะ
- เวลาใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า ให้เช็ดที่ละครึ่งหน้า เพื่อเป็นการเตือนความจำว่าเราเช็ดโลชั่นได้อย่างทั่วถึงจริงๆ
- เวลาเช็ดหน้าให้วางแผ่นสำลีตรงนิ้วกลางและใช้นิ้วนางกับนิ้วชี้หนีบแผ่นสำลีไว้ไม่ให้หลุด จากนั้นชุบโลชั่นบน สำลีและลูบไล้จากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน เมื่อเช็ดครึ่งหน้าฝั่งแรกเสร็จแล้ว ให้กลับแผ่นสำลีอีกด้าน ที่ยังไม่ได้ใช้และลูบไล้บนผิวหน้าด้วยวิธีเดียวกันค่ะ
… ทีนี้สาวๆ เห็นถึงความสำคัญของโทนเนอร์รึยังล่ะค่ะ ต่อไปนี้ถ้าจะเลือกใช้โทนเนอร์ประเภทไหนสาวๆ จะได้เลือกได้ถูกต้องและเหมาะกับผิวของสาวๆ ยังไงล่ะคะ
ก่อนไปมีกิจกรรมเก๋ๆมาบอก !!.. ใครอยากออก TV กับวง B.O.Y พร้อมพิสูจน์หน้าใส ไร้สิวใน 1 วัน.. คลีน แอนด์ เคลียร์ เค้าจัด C&C Acne Kit Camp กับ B.O.Y. อยู่ .. ใครอยากควงเต็งหนึ่ง เดทกับเลโอ นั่งชิลกับเมาส์ หรือเดินกุ๊กกิ๊กกับเจมส์ล่ะก็ รีบไปสมัครได้เล้ยที่ http://www.cncgirls.com/
เมื่อสาวๆ อยากรู้ว่าทำไมต้องใช้ “โทนเนอร์”
0
ความคิดเห็น |
This entry was posted on วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ชีวิตเหงาจัง...ทำอย่างไรดี
0
ความคิดเห็น |
This entry was posted on วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553
ชีวิตของคุณเหงา …
เป็นเพราะกำลังรอคอยอะไรอยู่หรือเปล่า …?
รอคอย … ให้คนอื่นให้
รอคอย … ให้คนอื่นมารัก
รอคอย … ให้คนอื่นมาให้ความสำคัญ
ถ้าเราเฝ้าแต่รอคอยอย่างนั้น …
มันก็เหงาแน่นอน …
ชีวิตที่เหงา เป็นชีวิตที่คิดปรุงแต่ง
ขาดความมั่นใจ …
ลองเปลี่ยนวิธีคิดดีไหมคะ …
เปลี่ยนท่าทีของการใช้ชีวิต
ที่จะฝึกรักคนอื่นก่อนบ้าง
หยิบยื่นความสุขให้คนอื่นบ้าง …
ที่สำคัญ … ระวังจิตของผู้ให้ด้วยนะคะ
จิตที่คิดจะให้นั้นเบา จิตที่เอานั้นหนัก
ถ้ามัวแต่รอคอย … ชีวิตของเรา
ก็จะหนักอยู่ด้วยความเหงาอย่างนี้
ฝึกที่จะรัก และมีความเบาแห่งจิตในขณะให้
ความสุขที่ได้ให้ก็จะหล่อเลี้ยงชีวิตเรา
เราก็เป็นผู้ให้ที่เป็นผู้รับแล้วค่ะ
การที่เราฝึกมีชีวิต อย่างเข้าใจเจ้าตัวเหงา
ก็เท่ากับอยู่บนหนทาง แห่งสติปัญญาแล้ว
เหงาเป็นอย่างไร …?
มันเที่ยงไหม
มันคงที่หรือเปล่า
มันมาแล้วมันไปไหม
และมันมีเหงาของฉันจริงหรือ?
ที่สุดของความเหงาไม่ใช่ของของเรา
ลองภาวนากับเจ้าตัวเหงาดู
หายใจเข้ารู้ … รู้ทันเจ้าตัวเหงา
หายใจออก … ไม่อึดอัดกับเจ้าตัวเหงา
ปล่อยความเหงาออกไปจากใจ
ฝึกมีลมหายใจ แห่งสติที่มีความรู้ตัว
พร้อมที่จะมีชีวิตที่มีความสุข เป็นอิสระ เพราะรู้ทันเช่นนี้
แล้วให้มีความสุขที่ได้รักคนอื่น อย่างไม่ต้องคอยว่า …
… คนคนนั้นจะให้เราคืนหรือไม่ … อย่างไร
ชีวิตของผู้ที่มีความสุขที่ได้ให้ …
จะไม่หลงอยู่กับเจ้าตัวเหงานานหรอกค่ะ
ทำไมจึงใช้เครื่องหมาย $ แทนดอลลาร์
0
ความคิดเห็น |
This entry was posted on วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553
คนจำนวนมากเชื่อว่าเครื่องหมายดอลลาร์ "$" เริ่มขึ้นเมื่อใครบางคนเขียนอักษรตัว U กับอักษรตัว S ทับซ้อนกัน ซึ่งไม่จริงเลย
เพราะเครื่องหมายดอลลาร์ดั้งเดิมเป็นอักษรตัว S ที่มีขีดเดียวลากผ่านในแนวดิ่ง ไม่ใช่สองขีด
อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า เครื่องหมายดอลลาร์แรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นอักษรตัว P รวมกับเลข 8
เนื่องจากก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะผลิตเงินตราของตัวเองขึ้นใช้ สหรัฐฯใช้เิงินสเปน เงินเหรียญของสเปนเรียกว่า "แปดส่วน" -pieces of eight หรือ P8 นั่นเอง
เงินเหรียญนี้สามารถตัดแบ่งออกเป็นแปดชิ้นหรือเสี้ยว (bits) เพื่อใช้ทอนได้ นี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมคนอเมริกันจึงเรียกเหรียญควอเตอร์หรือเหรียญ 25 เซ็นต์ว่า two bits ( 2 เสี้ยว) มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ทฤษฎี P8 นี้ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอ
ส่วนคำอธิบายที่แท้จริงบอกว่า เครื่องหมายดอลลาร์แต่เดิมนั้นเป็นตัวย่อของคำว่า pesos เปโซส์ คือ หน่วยเงินตราของสเปน และที่จริงแล้วชื่อภาษาสเปนของเิงินเหรียญแปดส่วน ก็คือ peso de 8 reals สองร้อยกว่าปีก่อนเมื่อสหรัฐอเมริกายังใช้เิงินสเปน (ไม่น่าเชื่อเลยว่า ประเทศอเมริกาไม่ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์ของตนเองขึ้นใช้จนกระทั่งปี ค.ศ. 1794 หรือเกือบ 20 ปีภายหลังจากการประกาศเอกราชแล้ว) เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะย่อคำว่า "200 pesos" เป็น "PS 200"
และเมื่อเวลาผ่านไปอักษร P และ S ก็ค่อย ๆ รวมเข้าด้วยกันจนในที่สุดผู้คนเริ่มเขียนเส้นตั้งของอักษร P และทับลงบนอักษร S และเครื่องหมายดอลลาร์ $ ก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยประการฉะนี้
เมื่อเราคิดต่างกัน....
0
ความคิดเห็น |
This entry was posted on วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553
คุณเคยมีความรัก . . .
ที่ทำให้คุณรู้สึกว่า . . . เรากับเขาคิดต่างกันบ้างหรือเปล่า?
ผู้หญิง . . . ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
แต่สำหรับเรา 2 คนมันเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ
แต่เขากับคิดว่า . . . มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
. . . ไม่จำเป็นต้องบอกเรา หรือเราไม่ต้องรู้ก็ได้
เวลาทุกนาที เราคิดถึงเขาตลอดเวลา
อยากรู้ว่า . . . เขาทำอะไรอยู่ . . . อยู่ไหน
แต่เขากับคิดว่า . . . เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย
. . . ไม่ได้ไปไหนหรอก ไม่ต้องรู้ก็ได้
เราอยากคุยกับเขานาน ๆ . . .
เขาเป็นคนที่เรา อยากคุยด้วยมากที่สุด
แต่เขา กลับไม่อยากคุยนาน ๆ เหมือนเรา
เขาอยากคุยกับเพื่อนมากกว่า
ทุกครั้งที่ห่างกัน เราโทรหาเพราะเป็นห่วง
แต่เขากลับคิดว่า . . . น่ารำคาญโทรมาทำไมบ่อย ๆ
สรุปแล้วไม่ว่าคุณจะคิดอะไร เขากลับคิดคนละอย่างกับคุณ
แต่ที่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง เขาจะคิดสวนทางกับเราแค่ไหน
ความเป็นผู้ชาย ทุกอย่างก็มีอยู่ในผู้ชายทุกคน
และความห่วงหา ความอยากรู้ ก็ยังมีอยู่กับผู้หญิงทุกคน
ดังนั้นสิ่งที่ทั้งคุณ และเขาจะคิดต่อไป คือ
จงคิดว่า . . . เพราะอะไรทำไมเราถึงคิดต่างกัน
และหาเหตุผล มาพูดกันจะดีกว่า
เพราะยังไงเราก็ . . . รักกัน . . .เป็นคนรักกัน